IV : Stock

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Notes : กฎการลงทุน 16 ข้อของ Sir John Templeton


กฎการลงทุน 16 ข้อของ Sir John Templeton
--------------------------------------------------------------------

Sir John Templeton ถือว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนระดับ “ตำนาน” คนหนึ่งของโลก และเป็นผู้ก่อตั้ง Templeton Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีผลงานดีเด่นอย่างต่อเนื่อง ทำผลตอบแทนในช่วงเวลา 50 ปี (1954 – 2004) ได้เฉลี่ย 13.8% ต่อปี สูงกว่าดัชนี S&P 500 ที่ได้ผลตอบแทน 11.1% ต่อปี


Sir John Templeton ถือว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) โดยมีหลักในการลงทุน 16 ข้อ ดังนี้

1. Invest for Maximum Total Real Return จงลงทุนเพื่อผลตอบแทนรวมที่แท้จริง – ต้องดูผลตอบแทนหลังหัก เงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ภาษี ฯลฯ ด้วย

2. Invest – Don’t Trade or Speculate จงลงทุน อย่าเก็งกำไรหรือซื้อๆขายๆ – ตลาดหุ้นไม่ใช่บ่อน แต่หากเก็งกำไรหรือเทรดบ่อยๆ อาจจะเก็งผิดทางทำให้ขาดทุนหนักได้ และจะพบว่ากำไรส่วนใหญ่จะหายไปกับค่าคอมมิชชั่น

3. Remain Flexible and Open-minded about Types of Investment จงมีความยืดหยุ่นและเปิดใจให้กับการลงทุนหลากหลายประเภท – โลกของการลงทุนไม่ได้มีแค่หุ้นเท่านั้น บางครั้งหากไม่มีหุ้นน่าลงทุนก็อาจจะโยกเงินไปซื้อพันธบัตร หรือถือเงินสด ได้

4. Buy Low ซื้อตอนราคาต่ำ – บางครั้งเราซื้อหุ้นตามเพื่อน โดยไม่ได้ดูว่าหุ้นถูกหรือแพง

5. When Buying Stocks, Search for Bargains among Quality Stocks เมื่อซื้อหุ้นให้ค้นหาหุ้นที่ลดราคาในกลุ่มหุ้นที่มีคุณภาพ – เลือกบริษัทที่มีแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อถือ อยู่ในธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง สินค้าและบริการมีคุณภาพดี ฯลฯ

6. Buy Value. Not Market Trends or the Economic Outlook เน้นเลือกหุ้นคุณค่ารายตัว ไม่ใช่ซื้อแนวโน้มตลาดหรือเศรษฐกิจ

7. Diversify. In Stocks and Bonds, As in Much Else, There is Safety in Numbers กระจายการลงทุนในหุ้นและพันธบัตร และหลักทรัพย์อื่นๆ

8. Do Your Homework or Hire Wise Experts to Help You ทำการบ้านเองหรือ (ถ้าไม่ไหว) ให้มืออาชีพมาช่วยดีกว่า – นักลงทุนต้องศึกษาหุ้นและการลงทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จงจำไว้ว่าโดยปรกติคุณซื้อกำไร (Earnings) หรือไม่ก็สินทรัพย์ (Assets) หากคิดว่าบริษัทจะโต เราจะซื้อหุ้นเพราะคาดหวังกำไรในอนาคต หากคิดว่าบริษัทจะถูกควบกิจการ เราจะซื้อหุ้นเพราะต้องการสินทรัพย์

9. Aggressively Monitor Your Investments ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด – โลกของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ควรเตรียมใจให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและพร้อมปรับพอร์ตของเราเสมอ แต่ก็ไม่ต้องเครียด เพียงแต่ต้องเอาใจใส่ดูแลพอร์ตบ้าง

10. Don’t Panic อย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ – หากหุ้นตกแรง อย่าตกใจแล้วรีบเทขาย จงถือหุ้นในพอร์ตเอาไว้ก่อน เว้นแต่ว่ามีหุ้นตัวอื่นที่น่าซื้อมากกว่า

11. Learn from Your Mistakes เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง – ในการลงทุน มีเพียงแค่วิธีการเดียวที่จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดคือการไม่ต้องลงทุน ซึ่งกลับกลายเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุด ดังนั้นนักลงทุนต้องรู้จักให้อภัยตนเอง เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและรู้ว่าครั้งต่อไปจะแก้ไขอย่างไร

12. Begin with a Prayer เริ่มต้นด้วยการอธิษฐาน – ปรับสภาพจิตใจและตั้งสติให้ดีๆ

13. Outperforming the Market is a Difficult Task การเอาชนะตลาดเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก –ความท้าทายของนักลงทุนที่ดีไม่ใช่แค่การเอาชนะนักลงทุนรายย่อยทั่วไป แต่อยู่ที่จะทำอย่างไรให้ตัดสินใจได้ดีกว่านักลงทุนสถาบัน รายใหญ่ที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก

14. An Investor Who Has All the Answers Doesn’t Even Understand All the Questions นักลงทุนที่มีคำตอบทุกอย่างไม่เข้าใจแม้แต่คำถามทั้งหมด – ความมั่นใจในตนเองที่มีมากเกินไปโดยอาจจะนำพาไปสู่ความผิดหวังหรือหายนะได้ไม่ช้าก็เร็ว

15. There is No Free Lunch ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ –ไม่ควรลงทุนเพียงเพราะเพื่อนแนะนำหรือมีนักวิเคราะห์หลายคนเขียนเชียร์ให้ซื้อ จำไว้ว่า “ไม่มีใครให้อะไรใครฟรีๆ”

16. Do Not Be Fearful or Negative Too Often อย่ากลัวและมองโลกในแง่ร้ายบ่อยนัก – ตลาดหุ้นมีลงได้ ก็มีขึ้นได้ ในระยะเศรษฐกิจต้องเติบโต คนต้องกินต้องใช้ วันที่หุ้นตกแรงๆ อาจจะเป็นจังหวะของการได้เก็บของถูก อย่าลืมว่าต่อให้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่หลักการลงทุนยังเหมือนเดิม นั่นคือ “ซื้อถูก ขายแพง”


Cr : P,Tin