- ใจจริงผมอยากเล่นหุ้นมาตั้งแต่ มหาลัยแล้ว แต่เนื่องจากผมมีข้ออ้างให้ตัวเองตลอดว่าเงินเราไม่พร้อม ความรู้ไม่พร้อม รออ่าน รอเรียนให้ครบก่อน ค่อยลงทุน กลัวขาดทุน ข้ออ้าง ต่างๆ นาๆ
- ระหว่างทางผมก็ชอบอ่านหนังสือ เกี่ยวกับการลงทุน บลาๆ ค่าย S2M ผมมีเกือบหมด ผมว่าหนังสือเค้าดี อ่านเข้าใจง่ายดี และ ก็หนังสือการลงทุนต่างนาๆ อิอิ
- พอทำงานเริ่มมีเงิน กับ ยืมญาติมาร่วมลงทุน 55 ตามหลักการ ( OPM ความรู้น้อยยังจะมีหน้าไปยืมเงินคนอื่นมาเสี่ยงอีก 555+ )
- ครั้งแรกที่จะเริ่มเล่นหุ้น มันจะมีคำถาม ต่างๆ นาๆ วิ่งมาในหัว ตามแบบฉบับ เด็กวิศวะก็แบบว่า คิดเยอะ ไปหมด แต่ทำน้อย นักคิดแท้ 555+ จะเปิดบัญชีต้องทำไงน้า ถ้าขาดทุนทำไงน้า จะเริ่มยังไงดี ซื้ออะไรดี Data วิ่งไปวิ่งมาเยอะจิง 555+
- ก่อนเปิดบัญชีก็ถามเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักไปเรื่อย สุดท้ายไปจบที่ บลจ.บัวหลวง เพราะไม่มีขั้นต่ำ กับ คุณ แพท ภาววิทย์ ประทับอยู่ 555+ ชอบหนังสือแก เลยไปสมัครไม่มีเหตุผลไรมากง่ายๆ แบบนี้แหละ
- ครั้งแรกที่เทรด ตาม คอนเซปเลย เรามักจะได้ ได้ ได้ (อาจเป็นเพราะตลาดขาขึ้น) ละพอได้ติดๆ กันมันเกิด ความมันใจในตัวเองมากเกิ๊นไป ละก็มี พี่คนนึ่งมาแนะนำ นี่ถ้าดูกราฟเป็น มาลองเล่น DW ดูไหม เเท่งขึ้น ก็ได้ ลงก็ได้ ไอเราด้วยความมั่นใจ ฮึย ( EMA, STO, MACD ตัดขึ้น ซื้อ ตัดลงขาย ) ง่ายจริง 555+ ความคิดตอนนั้น ด้วยความไม่รู้ รายละเอียดว่าการทำงาน DW มันทำอย่างไรเราก็เปิด กราฟเลย นี่ ADVANCE ดูย้อนหลังแล้วหลังปัญผล เม่งลง แค่นั้นแหละ Dilution Effec, Time Decay ไรตอนนั้นไม่รู้ 555+ เราก็กด Put ไปเม่งลงแน่ ได้เงินชัว 555 + วันจ่ายปันผล Advance SCB STEC มาถึงจิ่ง กุรวยแล้ว 555 เม่งราคาลงจริง ฮึยยย ทำไม Port ตูแดงฟะ ก็รีบไปหาอ่านตามเว็ป อื่นๆ ดู DW ไม่เอา Dilution หลังปันผลมาคิดคำนวณ แล้วเราคาเม่งก็ขึ้นเอา ขึ้นเอา ตูดันเลือกฝั่งขาลง Put เงิบกันไป ฝันสลาย 555 โลภแท้ นั่งทำใจอยู่นานกว่าจะยอม Cut loss เพราะไปอ่านเจอว่า ยิ่ง ถือ DW นาน มูลค่าจะลงไปเรือยๆ จนกลายเป็น 0 กำไรที่ได้มา ก็คืนกลับไป T-T
- โดน DW ไปรอบไม่จบ มาโดน HMPRO ด้วยการคิดง่ายๆ ประกอบกับไม่มีหลักยึดที่ถูก HMPRO จ่ายปันผลเป็นหุ้น = เพิ่มจำนวณหุ้น ฐานราคาทั้งหมดก็จะลง หรอื Dilute มา ไอเราตกใจเฮย ทำไมติดลบฟะ "ด้วยความไม่รู็" + "การดูกราฟ งูๆ ปลาๆ" + "ความรู้สึกที่เสียติดๆกันมา ใจมันเสีย" + "เอาเงินที่ต้องใช้จ่ายในเดือนถัดไปมาใส่เพิ่ม" + "ฟังคนรอบข้าง" + "อ่านกระทู้" = สภาพจิตใจ ณ ตอนนั้นเสีย แผน การคิดวิเคราะห์ ต่างๆ ที่เคยมีมันหายหมด เพราะ ไม่มีหลักยึดมั่น ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด "แต่โชคยังดี มีประโยค หนึ่งฝุดขึ้นมาในหัวว่า ถ้าเกิดเราเสียติดๆ กันให้ออกจากตลาดทันที เพื่อมาวิเคราะห์ดูปัญหาก่อน อย่าฝืน " จำไม่ได้ว่าอ่านเล่มไหนมา การอ่านหนังสือ มันช่วยได้จริงเพราะหนังสือ มันจะเอาประสบการณ์ของคนที่เคยผ่านปัญหามา เค้ามีทางออกยังไงเราก็เอามาปรับใช้
- เราก็มานั่งคิดว่าสุดท้ายเราควรทำอย่างไร สิ่งที่เราอ่าน ฟัง มามันใช่หรอ ถ้าใช่ไมตูขาดทุนฟะ
- จึงเป็นที่มา ว่าทำไมต้องไปเรียนเพิ่ม ( การเลือกเรียนที่ดี ควรเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองขาด + ลงมือทำไปเรื่อยๆ ) บอกตัวไว้ เดะครั้งหน้าเจอกัน อิอิ
- ผมเคยเป็นฟิวประมาณว่า อ่าน อ่าน อ่าน คิดไปเรื่อยฟุ่งซ่านไม่ทำสักที
- พอลงมือทำจริงๆ เหมือนกับเราไม่รู้ไรเลย เพราะของจริง กับ เรื่องที่อ่านที่ฟังมา มันไม่รู้จะดึงมาใช้ยังไง
- ไปจบที่ ลงมือทำ ลงเงินจริง พอทำไปสักพักมันเกิดการเรียนรู้ ว่าแท้จริงตัวเรายังขาดอะไร ต้องการไรเพิ่ม เลยไปลงเรียนคอส ของครู หยง ที่ S2M ซึ่งผมว่ามันดีนะสำหรับผม ได้ทั้งความรู้ กับ เพื่อนๆ ที่ไปอบรม และมี Followup ฟรี หลังจากเรียนเสร็จแล้วอีก เข้าได้ไม่จำกัด และ มีทีมโค๊สในกลุ่ม Line ให้อีก เวลาเราไปเจอคนที่คุยภาษาเดียวกัน ผมว่ามันสนุกนะครับ 1 หมื่น แลกกลับสิ่งที่ได้รับกลับมาคุ้มมาก ไม่ได้เชียร์ให้ไปเรียนนะครับ แต่สำหรับผม ผมโอเค
- ไม่ควรลงเงินเยอะ ๆ หรือ ยืมเงินคนอื่นมาลงทุนก่อน ให้เริ่มจากเงินน้อยๆ ก่อนดีสุด เก็บ Exp ไปสักพัก จนเข้าใจมัน ละค่อยทะย่อยเติบดีกว่า
- อย่ารอพร้อมแล้วค่อยเริ่ม ให้เริ่มน้อยๆ ตอนยังไม่พร้อม ยิ่งเริ่มไวย ละล้มไว้เท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเราเจ็บกับเงินก้อนน้อยๆ พอเรามีประสบการณ์แล้ว ผมว่าโอกาสครั้งหน้ามา เสร็จตูแน่ 555+ สู้เฟ้ย
- ไม่มีทางลัดรวยเร็ว โดยไม่ฝึกฝน กลับไปที่กฏ 10,000 ชม
- ผมว่าตลาดทุนมันน่าหลงไหล ถ้าเราเข้าใจมันจริงๆ
- ใจจริงผมสนใจ E-COM แต่ไปดูหมอมา เค้าบอกให้รอหลังเดือน 6/2557 ก่อน ก็เลยมาเริ่มลงในหุ้นก่อน แต่ จริงๆ คือข้ออ้าง พอมาจับ หุ้น ปั๊บยาวเลย 5555+
- สุดท้ายผมว่า เราต้องค้นหาลายมือตัวเอง ไปเรือยๆ ผมก็กำลังหาอยู่ อิอิ
- ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ การเห็นคนนี้คนนั้นทำได้แล้วไปทำตาม ผมว่ามันไม่ใช่ ด้วยนิสัย จริต ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราควรเอาประสบการณ์ของพวกเค้ามาประยุค พัฒนาสิ่งที่เราขาดมากกว่า พัฒนา ลายมือตัวเอง ดีกว่า ความเห็นส่วนตัว
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นข้อคิดเตือนใจดีๆ นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น